วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Thai Tour พาเที่ยว " สังขละบุรี " เมืองชายแดน สุดแคว้นตะวันตก



เส้นทางสุขใจของผม ทริปนี้ สังขละบุรี ครับ ดินแดนศักสิทธิ์ วัดใต้น้ำของพระอาจารย์ชื่อดัง ชุมชนชาวมอญ สุดชายแดนตะวันตก ต้นกำเนิดลำน้ำแคว คลิกดู ภาพและประวัติสังขละบุรี คลิปวีดีโอ ทัศนียภาพสังขละบุรี




คุณรู้หรือไม่ว่าที่อำเภอสังขละนี้ ก็มีคำขวัญด้วย คือ   สะพานไม้ ด่านเจดีย์ นทีสามประสบ มรดกทุ่งใหญ่ ไทย กระเหรี่ยง รามัญ สารพันธรรมชาติ อภิวาท  หลวงพ่ออุตตมะ เมืองสังขละชายแดน สุดแคว้นตะวันตก "




ทริปนี้ครั้งที่ 4 แล้วครับ จากครั้งแรกเมื่อ 13 ปี ก่อน พักที่แพไทรโยคใหญ่แล้วเหมารถสองแถวพันกว่าบาทมาที่ด่านเจดีย์สามองค์ ครั้งที่สอง เมื่อ 12 ปีก่อน พักที่ทองผาภูมิแล้วแวะมาเที่ยววัดวังวิเวกการาม ครั้งที่สามเมื่อ 6 ปีที่แล้วพักที่เขื่อท่าทุ่งนา แล้วตีรถมาเที่ยวด่านเจดีย์และวัด ครั้งที่สี่นี้ผมตั้งใจมาพักที่สังขละบุรีโดยตรง ซึ่งจะเห็นได้ว่าสังขละบุรีต้องมีอะไรดีจึงชวนให้หลงใหล และที่นี่ไม่ใช่แค่เป็นทริปรองอีกต่อไป



ความเป็นธรรมชาติยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สังขละบุรี เที่ยวได้ทุกฤดู แม้หน้าฝน เช่นที่ผมไปมาล่าสุด ฝนที่นี่ไม่ตกหนักแต่ตกบ่อย ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ สดชื่นดีเมื่อได้เห็นฝนตกลงบนทุ่งหญ้าหลังต้นไม้ใหญ่ หญ้าสีเขียวกำลังงอกงาม ฝนตกกระทบพื้นน้ำอยู่ตรงหน้าโดยมีทิวเขาสูงใหญ่สลับเป็นชั้นอยู่สุดสายตา พร้อมด้วยเมฆลอยต่ำบนยอดเขา บรรยากาศเย็นฉ่ำตอนฝนพรำ นั่งจิบชาหรือกาแฟร้อนๆสักถ้วย พร้อมหนังสือดีๆสักเล่มนอนเอียงกายบนเก้าอีไม้เอนได้จะดีไม่ใช่น้อย พอแดดเริ่มส่องลอดใต้ก้อนเมฆ จะได้เห็นวีถีชาวมอญแต่งตัวแบบวัฒนธรรมดั้งเดิม สาวมอญนุ่งผ้าถุงสวนเสือสีขาวลายดอกเดินไปมาบนสะพานไม้ เรือหางยาวเริ่มออกหาปลา แพนักท่องเที่ยวเรียงรายริมน้ำ และเห็นเจดีย์สีเหลืองอร่ามของวัดวังวิเวกการาม์อยู่แต่ไกล ความรู้สึกแบบนี้หากได้เพลงโปรดมาเปิดเบาๆ ด้วยละก้อ...ต้องขอหยุดเวลาไว้สักพักใหญ่ๆ




แต่ทว่า Highlight ของทริปไม่ได้มีอยู่เพียงเท่านี้...คำถามที่มีอยู่ในใจของผมคือ"วัดใต้น้ำ" หรือ "เมืองบาดาล" อยู่ที่ไหน ทราบมาตั้งแต่คราวแรกที่มาเยือนแล้วว่าอำเภอสังขละบุรีจริงๆแล้วได้ย้ายขึ้นไปอยู่บนที่สูงหลังจากทางการฯได้ทำเขื่อนเขาแหลม (ชื่อใหม่ คือ เขื่อนรัชประภา)และกักน้ำ ทำให้ที่ตั้งอำเภอเดิมและวัดวังวิเวกการามจมอยู่ใต้น้ำ แต่คราวนั้นยังไม่โด่งดังเหมือนปัจจุบัน หลังจากทททได้โปรโมทเป็น Unseen Thailand แล้วผู้คนก็หลั่งไหลกันเขามาชมไม่ขาดสาย ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวท้องถิ่น เช่น ที่พัก เรือหางยาว ขี่ช้าง ล่องแก่ง หรือแม้แต่ร้านขายข้าวแกงในตลาด เจริญเติบโตขึ้นตามๆกันไป




สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ







สะพานไม้มอญ
อยู่ไม่ไกลจากวัดวังก์วิเวการามนัก จะมีแยกทางเข้าเล็กๆ เข้าได้สองทาง คือทางเลยตลาดมาหน่อยอยู่ขวามือ (ทางไปสาบประสบรีสอร์ท) อีกทางเลยตัวเมืองเข้าไปนิดนึงเป็นทางลาดชันลงไป หากได้แวะไปถ่ายภาพสักหน่อยจะดีไม่น้อย จากบริเวณสะพานจะได้เห็นทิวทัศน์ภูเขาและพื้นน้ำโดยรอบ สวยงามมากทีเดียว




ซึ่งของเดิมอยู่ในน้ำ แต่ได้สร้างใหม่อยู่บนที่สูงวัดและเจดีย์อยู่ห่างกัน1 กม. ควรเที่ยวทั้งของใหม่และของเดิม เจดีย์เป็นแบบพุทธคยาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วัดตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอสังขละบุรีประมาณ 3 กม. มีวิหารริมแม่น้ำประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนอ้นงดงามและเป็นที่จำพรรษาของ "หลวงพ่ออุตตมะ" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังซึ่งประชาชนชาวไทย ชาวมอญ รวมทั้งกระเหรี่ยงและพม่า น่าเสียดายที่ปัจจุบันท่านมรณะภาพไปแล้ว






ส่วนวัดใต้น้ำต้องนั่งเรือไป ค่าโดยสารเหมาลำ 300 บาท ท่านสามารถติดต่อเรือหางยาวได้ทั่วไปริมสะพานไม้มอญ หรือแพลุงเณร โทร. 034-595360, 09-2212330 บริการดี แกรับพาเที่ยววัดจมน้ำ ตกปลา แพลาก แพล่อง แพเช่า (ผมเองก็ใช้บริการมาแล้ว) สามประสบเป็นอีกที่ที่น่าสนใจ คือจุดที่ แม่น้ำ สามสายมาประจบกัน คือ แม่น้ำรันตี ต้นกำเนิดจากป่าทุ่งใหญ่นเรศวร, แม่น้ำซองกาเลีย และแม่น้ำบิคลี้ สองแม่น้ำหลังนี้มีต้นกำเนิดจากพม่า น้ำจะมีสีออกแดง





ห่างจากตัวเมืองสังขละบุรี 22 กม. เดิมเรียกว่า หินสามกอง เป็นที่สักการะของคนไทยในสมัยโบราณก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่เขตพม่า ต่อมาในปี 2472 พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรีของไทย ได้เป็นผู้น้ำชาวบ้านสร้างเป็นเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ดังที่เห็นในปัจจุบันนี้ นอกจากนี้บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ยังเป็นช่างทางเดินทัพที่สำคัญของไทยและพม่าในอดีต ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมตลาดชายแดนในเขตพม่าได้ โดยเสียค่าผ่านด่านชาวไทย 25 บาท ชาวต่างประเทศ 130 บาท ถ้าเราได้ข้ามไปฝั่งพม่า เลยไปตามทางลูกรัง ประมาณ 4-5 กม. เราจะพบ วัดเสาร้อยต้น ห่างจากชายแดนประมาณ 1 กม.จะมีตลาดของฝาก สินค้าส่วนใหญ่เป็น ไม้เฟอร์นิเจอร์ เครื่องหวาย ผ้า พลอย ของป่า





แม่น้ำต่างๆ เช่น แม่น้ำรันตี แม่น้ำบิคลี้ แม่น้ำซองกาเลีย ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาล่องแก่งที่นี่ น้ำตกตะเคียนทอง น้ำตก
อาหารอร่อย ที่ร้านอาหารพันนที แบบดูดีหน่อย อยู่ริมน้ำ เลยตลาดประมาณ 1.5 กม. หรือร้านข้าวแกง 59 หม้อ อยู่ในตลาด หรือหาทานแถวตลาดก็ได้

ที่พักสังขละบุรี รีสอร์ทส่วนใหญ่จะอยู่เรียงรายริมน้ำอยู่แล้วในตัวเมืองสังขละบุรี
พรไพลิน...ดูหรูที่สุดในขณะนี้เพิ่งสร้างได้ไม่นาน ห้องพักมีสองแบบ แบบโซนโรงแรม และบังกะโล ห้องมีทีวีระเบียงเห็นวิวน้ำ เข้าทางตลาดสดสังขละบุรีตรงเข้าไปตามป้ายเกือบสุดทาง มีกิจกรรมล่องแพ และขี่ช้าง

P.Guest House รีสอร์ทบริหารโดยคนพื้นที่ Mr.P เหมาะสำหรับคนที่ชอบความคึกครื้น มีเพลงร้องคาราโอเกะในยามเย็นถึงค่ำคืน กิจกรรมล่องแก่ง แพ ขี่ช้าง
พันนที รีสอร์ท บริหารโดยคุรสุพจน์หนุ่มเชื้อสายจีนคนกรุงเทพฯแต่อยู่ประจำที่รีสอร์ได้หลายปี บริหารแบบโรงแรมขนาดย่อย อาหารอร่อย บริการดี ห้องพักดี





การเดินทาง

จากกรุงเทพฯ สองเลนตลอดถึง อ.ไทรโยค ทางถนนพระบรมราชชนนี หรือเพชรเกษม
จากตัวเมืองกาญจนบุรี ใช้เส้นทางหลวง 323 สู่ อำเภอไทรโยค อำเภอทองผาภูมิ แล้วเลี้ยวขวาไปอำเภอสังขละบุรี ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง บวกลบนิดหน่อยตามสภาพรถและฝีเท้าในการเหยียบคันเร่ง

แผนที่สังขละบุรี



เรวัติ  น้อยวิจิตร / สมเจตน์ สายแก้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น