วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ตำนานพลอยเมืองกาญจน์ และที่มาของอัญมณีกาญจนบุรี



ถ้าหากพูดถึงเมืองหรือจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ถ้าอยากจะอธิบายจังหวัดนี้สั้นๆ คงต้องพูดถึงคำขวัญเป็นอันดับแรก แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ พลอยเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัดกาญจนบุรีได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว หลายๆท่านคงได้เคยไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวหลายที่มาแล้วมากมายเช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว, ประสาทเมืองสิงห์, อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ, เขื่อนศรีนครินทร์, ถ้ำพระธาตุ, น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น แต่จากคำขวัญแล้ว คำว่า “พลอยเมืองกาญจน์” มีที่มาจากไหนกัน ทำไมถึงเข้าไปอยู่ในคำขวัญได้


หากพูดถึง อัญมณีกาญจนบุรี แล้วที่มีชื่อเสียงที่สุดคงหนีไม่พ้น พลอยเมืองกาญจน์ ซึ่งชนิดที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดคือ นิล และ ไพลิน ซึ่งเป็นพลอยที่พบได้มากในเมืองกาญจน์เท่านั้น สถานที่ๆจำเพาะเจาะจงลงไปอีกคือ อ.บ่อพลอย ชื่อคงบอกชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นแหล่งสำคัญของอัญมณีกาญจนบุรีเลย มีการทำเหมืองพลอยให้เห็นอยู่มากมาย


              อ.บ่อพลอยนั้นอยู่ไม่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำแควเท่าไรนัก แต่เดิมอ.บ่อพลอยซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของพลอยเมืองกาญจน์นั้น เป็นเพียงแค่ กิ่งอำเภอบ่อพลอย เท่านั้น แต่ภายหลังได้รับการยกระดับขึ้นเป็น อ.บ่อพลอย เพราะถือเป็นอำเภอที่สำคัญต่ออัญมณีกาญจนบุรี หรือ พลอยเมืองกาญจน์เป็นอย่างมาก

             ตามตำนานที่เล่ากันมาประวัติความเป็นมาของ อ.บ่อพลอยนั้น ยังไม่มีหลักฐานและข้อมูลที่แน่ชัด มีแต่คนที่เล่าบอกต่อกันมาเรื่อยๆว่า ในสมัยโบราณ มีหมู่บ้านซึ่งพบว่ามี อัญมณีกาญจนบุรีและหินสีต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก โดยพบทั้งตามแหล่งน้ำลำธาร และตามเชิงเขา ชาวบ้านทั่วไปพบเห็นได้เก็บอัญมณีเหล่านั้นมา โดยไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร

             หลังจากนั้น  ทางการได้ทราบว่าหินสีนั้นเป็นพลอยกาญจนบุรี เลยได้แต่งตั้งชาวกระเหรี่ยงขึ้นมาเป็นหัวหน้านายหนึ่ง และมอบหมายหน้าที่ให้ไปเก็บรวบรวมพลอยเมืองกาญ เพื่อส่งไปยังเมืองกาญจนบุรีปีละครั้ง จากนั้นเจ้าเมืองกาญจนบุรี จะส่งพลอยจำนวนนี้ทั้งหมดไปยังกรุงเทพ เรียกว่า “ส่งส่วยพลอย”


ในหมู่บ้านนั้นมีแหล่งน้ำเป็นบึงแห่งหนึ่ง ซึ่งใช้ล้างพลอย เรียกว่า “บึงหัวแหวน” หลังจากนั้น ข่าวเกี่ยวกับหมู่บ้านแห่งนี้ได้แพร่กระจายออกไป ทำให้นักแสวงโชคทั้งหลาย ได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาเพื่อขุดพลอย ต่อมาจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านนี้มาเป็น “บ้านบ่อพลอย” ซึ่งขึ้นอยู่กับอ.พนมพวน เมื่อมีประชากรมากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ประกาศยกตำแหน่งพื้นที่ขึ้นเป็น อ.บ่อพลอย จนถึงทุกวันนี้

ที่ตั้งของอ.บ่อพลอย จะอยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 48 กม. ระหว่างทางจะเห็นเหมืองพลอยตามข้างทางอยู่ทั่วไป ส่วนมากแล้วจะเป็น พลอยเมืองกาญจน์ประเภท พลอยไพลิน บุษราคัม และนิล

ประชากรของ อ.บ่อพลอยนั้น ถือว่าไม่หนาแน่นมาก รวมทั้งสิ้น 53,928 คน  การเดินทางได้ถึง 3 ทาง ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ภายหลังได้มีการตั้งคำขวัญของอำเภอบ่อพลอยขึ้นมาว่า “แหล่งแร่พลอยไพลิน หลวงพ่อนิลเลื่องลือไกล ปล่องภูเขาไฟปรากฏ สับปะรดหวานฉ่ำ งามล้ำถ้ำผาวังจันทร์”
อัญมณีกาญจนบุรี และ พลอยเมืองกาญจน์ ที่มาจากอำเภอบ่อพลอยนั้น จะนำมาเจียระไน เพื่อให้ขึ้นเป็นงานตามรูปแบบที่สวยงาม ทั้งเป็นพลอยเม็ด และทำเป็นเครื่องประดับ เช่น สร้อย กำไร แหวน และอื่นๆ ทั้งขนาดเล็กมากไปถึงขนาดใหญ่มาก แต่ถ้าหากผู้ซื้อไม่มีความรู้ในการดูพลอย แล้วเราแนะนำว่าควรซื้อจากร้านที่สามารถไว้ใจและเชื่อถือได้ รวมทั้งสามารถออกใบรับรองให้กับสินค้าได้ เพื่อรับประกันว่าพลอยเมืองกาญจน์ที่ซื้อมานั้นเป็นของแท้แน่นอนจะดีที่สุด คุณจะไม่ต้องเสียเงินฟรี กับพวกต้มตุ๋น หลอกขายพลอยปลอม

ขอบคุณบทความดีดีจาก http://www.kanchanaburi.com/

พลอยเมืองกาญจน์
อัญมณีกาญจนบุรี

เรวัติ  น้อยวิจิตร  / สมเจตน์  สายแก้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น