วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

น้ำเอ่อ .. สวรรค์ ของพรานเบ็ด ท่ามกลางขุนเขาและสายน้ำ



 น้ำเอ่อ.... แพเล็กๆเหนือเขื่อนใหญ่ๆ ท่ามกลางขุนเขาและสายน้ำ

น้ำเอ่อ     ถ้าบอกชื่อนี้ออกมาลอยๆหลายคนคงงงว่ามันคืออะไร มันคือที่ไหน แต่สำหรับนักท่องไพร และนักตกปลา ส่วนใหญ่จะรู้จักในชื่อแพ็คคู่ มักจะเรียกคู่กันว่า น้ำเอ่อ ไกรเกรียง 



ที่มาที่ไปของชื่อน้ำเอ่อ  เป็นเพราะมีการสร้างเขื่อนศรีนครินทร์ ด้วยความที่เป็นเขื่อนใหญ่มาก  ด้านบนของเขื่อนซึ่งเป็นขุนเขาที่สูงใหญ่ ก็มีน้ำเอ่อขึ้นมาถึง แล้วมีการสร้างหมุ่บ้าน แพพัก กันตรงนั้น ก็เลยมีชื่อเรียกกันว่าบ้านน้ำเอ่อ    ส่วนไกรเกรียง เป็นชื่อของหน่วย ศร9 หรือ ศรีนครินทร์ที่9  ซึ่งเป็นหน่วยหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์


ผืนป่าและสายน้ำแห่งรอยต่อสามจังหวัด   น้ำเอ่อถ้าจะมองกันจริงๆ ป่าบริเวณนั้นเป็นป่ารอยต่อสามจังหวัด คือ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี          น้ำเอ่อ จึงถูกล้อมด้วยผืนป่า อช.เขื่อนศรีนครินทร์ อช.พุเตย และ เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง   และ จะใกล้กับลำขาแข้ง ที่จะไหลลงมาที่เขื่อนศรีนครินทร์นั้นเอง



การเดินทาง บ้านน้ำเอ่อ จะขึ้นกับ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี  แต่การเดินทางที่ใกล้ที่สุดและสะดวกที่สุด   จาก กทม. คือ  ต้องเดินทางขึ้นทาง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี   

จาก  กทม  ก็วิ่งเส้นทาง บางบัวทอง สุพรรณบุรี    ถึงสุพรรณ ก็เลือกเอาว่าจะไปทางไหน  เพราะไปได้หลายทางอยู่ที่การจัดโปรแกรมของเรา  เช่นถ้าไปทางอู่ทอง ก็ แวะเที่ยววัดเขาดีสลักได้   ไปทางดอนเจดีย์ ก็แวะเที่ยวดอนเจดีย์ได้ ไปทาง เดิมบางนางบวช ก็ แวะเที่ยวสามชุก บึงฉวากได้   เป้าหมายคือ อ.ด่านช้าง สุพรรณบุรี

เส้นทางที่ใกล้ที่สุดที่จะไปด่านช้าง ผมว่าผ่านทางอ.ดอนเจดีย์จะใกล้ที่สุด และจากด่านช้างถ้ามาจาก สุพรรณ ทางแยกไป น้ำเอ่อ จะอยู่ถึงก่อนด่านช้าง ซ้ายมือ ประมาณ 5 กม  แต่ถ้ามาจากทางเดิมบางนางบวช(บึงฉวาก)ทางแยกจะอยู่เลยด่านช้างทางขวามือมา 5 กม

แยกแล้ววิ่งตรงไปเรื่อยจนข้ามภูเขา  ลงจากเขามาจะเจอชุมชน สังเกตุแยกทางขวามือ มีป้าย อช พุเตย  ถ้ำธารลอด ไปตามป้ายเลย แยกตรงนี้เรียกว่าแยกปลักประดู่  ตรงอย่างไปตามทางผ่านบ้านม่วงเฒ่า เป็นแห่งชุมชนใหญ่ มีปั้มน้ำมัน ร้านค้า น้ำแข็ง มาซื้อเสบียงตรงนี้ได้เลย    เลยจากม่วงเฒ่าไปจะเป็นทุ่งมะกอกตรงนี้จะเป็นแยกถ้าเลี้ยวขวาขึ้นเนินเขาทางนั้นจะไป พุเตย ตะเพินคี่  แยกนี้เราต้องตรงไป


แผนที่ประกอบนะครับ บ้านน้ำเอ่อ อยู่ตรงที่ผมวงกลมไว้ 


จากทุ่งมะกอก  ทางจะเป็นลูกรังสลับทางปูน  หินลอย    แต่ถ้าหน้าแล้งๆ รถทุกชนิดไปได้นะครับ เพราะทางเขาทำใหม่ลูกรังก็จริงแต่อัดแน่นและ ไม่ต้องข้ามลำห้วยแล้ว  เพราะทางทำใหม่ยกสูง มีท่อลอดถนนให้ลำห้วยไหลผ่าน   จะมีข้ามน้ำจุดเดียวตามในรูปประกอบเลยครับ  แต่ถ้าหน้าฝนหรือฝนหนักผมว่าเละครับ  ถ้าฝนหนักๆรถเก๋ง จอดได้ที่ด่านป่าไม้ด่านแรกนะครับ  เข้าจากทุ่งมะกอกมาสัก 3 กม จะเจอด่านป่าไม้  ทางจะผ่านหมู่บ้านหลังจากนั้นจะเป็น ป่า และ ป่า   จากทุ่งมะกอกเข้าไปถึงน้ำเอ่อจะประมาณ 20 กท  จากด่านป่าไม้ด่านแรก ตรงไปเรื่อยๆตามทางสังเกตุซ้ายมือถ้าเจอป้ายทางไปแพ อะไรต่อมีอะไร เยอะแยะ ให้ไปทางนั้นเลย

ที่พัก   บ้านน้ำเอ่อ จะมีแพพักอยู่ร่วม 10 เจ้าเลย  ถ้าถามผมผมก็ตอบไม่ได้ว่าเจ้าไหนดี  เพราะแพก็หน้าตาคล้ายกันหมด    ข้างในมีร้านค้าอยู่ที่ แพปอ เผื่อขาดอะไรก็มาซื้อที่นี้ได้

ถ้าไม่ใช่เทศกาลผมว่าไม่ต้องจองแพหรอกครับ  ลองขับไปดู ชอบแพไหนวิวไหนแบบไหนก็ติดต่อเอาเลย   ก่อนจะถึงแพต่างๆ  เราจะผ่านวิวนี้ครับ   พอพ้นป่ามาเจอภาพนี้  ถึงกับดีใจเลย


มาน้ำเอ่อ   มาทำอะไร  


ที่น้ำเอ่อไม่มีไฟนะครับ แต่ในแพส่วนใหญ่จะมีไฟจากพ่วงแบตเตอรี่ ไว้ให้ เปิดให้แสงสว่างตอนกลางคืน  และมีห้องน้ำเล็กๆ ครัวเล็กๆ   กิจกรรมที่ทำก็คือ นั้นเล่นรับลม เย็นมากๆ  ชิวๆ ตกปลา และ ผมมีอีกกิจกรรมนึงมานำเสนอ ตอนท้ายๆรีวิวคือ เที่ยวน้ำตก  ส่วนผมมาทริปนี้ตั้งใจจะมาตกปลา และ สังสรรค์กันนิดหน่อย  


บรรยากาศแบบลมเย็นๆ   เพลงเบาๆ  เฝ้าเบ็ด  วิวแต่ละแพจะไม่เหมือนกันครับ เหมือนกับว่าเขาจะแบ่งกันคนละอ่าว  เลือกเอาว่าชอบแพแบบไหน


ถ้าอยากทานปลาสดๆ หลายแพเลยนะครับมีจำหน่าย  เพราะส่วนใหญ่อาชีพหลักของเขาจริงๆคือทำประมง ส่วนแพพัก เป็นเหมือนอาชีพเสรืม 

ปลานิลไซส์จัมโบ้ น่าจะไม่ต่ำกว่า 3 กิโล สดๆ ทอดกระเทียม พร้อมน้ำจิ้ม  200 บาทตัวนี้ ทานกัน 8 คนแทบไม่หมด


แพพักแบบต่างๆ  มีหลายแบบหลายมุม  ชอบแบบหลายๆแพอยู่ใกล้กัน  ก็มี


หรือจะเอาแบบคู่    เป็นห้องก็มี  


ถ้าชอบเงียบอยู่หลังเดียว ในอ่าวก็มีนะครับ  เข้าไปอยู่ในอ่าวหลังเดียวเลย


แพก็บ้านๆไม่มีอะไรหวือหว่า  แพอาจจะหนึ่งดาว   แต่บรรยากาศ และ อากาศเอาไปเลย 5 ดาวเต็ม  รับโอโซนเต็มจากผืนน้ำและผืนป่าห้วยขาแข้ง
ค่าที่พักก็ไม่ได้แพงอะไรมีตั้งแต่ 800 - 2000 ทุกเจ้าก็ราคาพอๆกันประมาณนี้  ยกเว้นจะให้ลากไปเที่ยวตรงอื่น ก็ต้องจ่ายเพิ่มค่าลาก   อ๋อกิจกรรมที่นี่อีกอีกอย่างนึงคือ นั้งเรือเที่ยว ไปตกปลา หรือไม่ตก ก็ไปชมบรรยากาศสวยๆเหนือเขื่อนก็ได้ครับ

ที่บ้านน้ำเอ่อ ลมแรงมากนะครับ     ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสีย  ข้อดี คือเย็น กลางคืนหนาว เช้ามืดหนาวมาก ไม่มียุง   ข้อเสียคือ ถ้าลมแรงมากจะมีคลื่นครับ คลื่นแบบทะเลเลยซัดตูมๆ  คนหลับยากอาจจะนอนไม่หลับ  แต่ถ้าคนดื่มหน่อย หลับสบายเหมือนมีคนมาไกวเปลให้

ยามเย็น  พระอาทิตย์จะตกลงด้านหน้าแพที่พักเลย   นั้งมองกันไป  ช่วงนั้นรับประกันได้ว่า  ใครมีกล้องต้องยกกล้อง ใครมีมือถือต้องยกมือถือ เแ็บภาพแห่งความประทับใจ


แสงอ่อนๆ ยามเย็น  อากาศเริ่มเย็นลง  เสียงกีตาร์ เสียงกระทบแก้ว ทำให้พวกเราไม่เหงา   หัวเราะ เล่นกัน ตามประสาเพื่อนๆ เป็นอะไรที่อยู่ในความทรงจำมากมาย


บรรยากาศยามเช้าหน้าแพ กาแฟร้อนๆสักแก้วนึง นั้งรับลมเย็น   แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว  สำหรับการมาที่นี้


บางคนก็นั้งเล่น   บางคนก็นอนเล่น  บางคนก็เิดินตีเหยือปลอม   บางคนก็ตกปลาที่หน้าแพ   แต่คนนี้   เป้าหมายปลาใหญ่พายเรือออกไปนั้งรับลมตกปลาคนเดียว


ผมอยู่ที่แพ จนถึงบ่ายสอง  สำหรับแพที่นี้  ถ้าเราไม่กลับ เขาก็ไม่ไล่ถ้าไม่มีคนจองมาต่อนะครับ
นั้งเล่นตกปลาไปได้เรื่อยๆ   ขนาดบ่ายสองกว่า ผมไปจ่ายค่าแพ ป้าที่ดูแลแพยังบอกไม่ต้องรีบกลับเย็นๆค่อยกลับก็ได้   แต่ผมตั้งใจจะไปที่อื่นต่อกัน  ด้วยความที่จำข้อมูลมาผิดๆ  ว่าจากน้ำเอ่อไปต่อหน่วยไกรเกรียง  3 กม.  แต่จริงๆไม่ใช่เลยไปอีกเป็นสิบ ก.ม. หลังจากขึ้นจากแพก็ขับรถไปกัน ยิ่งขับเริ่มมึนทำไมไม่ถึงสักที ไหนว่าแค่ 3 กม  เจอวิวสวยๆข้างทางจอดถ่ายรูปและแวะถามคนที่ทำไร่ข้าวโพด  ได้ความว่าไปอีก 5 ก.ม.จากจุดนี้  สรุปคือ  ไม่เข้าไกรเกรียงดีกว่า เอาไว้รอบหน้ามากางเต็นท์นอนที่ไกรเกรียงแทน


แต่จุดที่ประทับใจอีกจุดนึงอยู่ที่ตรงนี้  จากบ้านน้ำเอ่อ  ไปทางไกรเกรียงจะมีลำธารเป็นชั้นน้ำตกเล็กๆอยู่ผมก็แวะเข้าไป ล้างหน้าล้างตากัน  จากข้อมุลที่หามา  ลำธารนี้ พวกชาวออฟโรดเขาจะเรียกกันประมาณน้ำตกนิรนาม  ขับรถมาจากน้ำเอ่อสังเกตุลำธารนี้ไว้นะครับ



อันนี้เป็นคำบรรยายที่ผมเขียนไว้ในเฟสบุ๊คนะครับ ++  คือกลับมาถึงบ้านได้ต่อwifi สิ่งแรกที่ทำคือรีบเขียนถึงความประทับใจนี้เลย  บางครั้งความไม่ตั้งใจก็ให้อะไรดีดีกับเรา  วันนี้ที่บ้านน้ำเอ่อ ข้างทางผมเห็นมีลำธารเล็กๆไหลอยู่ข้างๆถนน  ผมขับรถลงไปจอดน้ำใสๆเย็นมาก  ส่วนเพื่อนบางคนด้วยความซนเห็นทางเล็กๆเข้าไปในป่า  ก็เลยเดินเข้าไป เข้าไปเพียงไม่เกิน 50 เมตร  ก็ตะโกนเรียกเพื่อนๆเข้าไปดูด้านใน พอไปถึงทุกคนถึงกับตะลึง.....

เฮ้ย.... นี่มันน้ำตกนี่หว่า สวยมากด้วย เป็นน้ำตกหินปูนเหมือนห้วยแม่ขมิ้นและเอราวัณ เพราะเป็นป่าโซนเดียวกัน  อยากจะเขกหัวตัวเองว่าทำไมไม่ยอมเอาขาตั้งกล้องมาด้วย  น้ำตกนิรนาม ไร้ชื่อแซ่ ไร้คนรู้จัก แต่ภาพที่เห็นมันงามมากๆเลย เป็นความประทับใจอย่างนึงของทริปนี้  ปล.ผมไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไปพยามถ่ายออกมาให้ดูที่สุดแล้ว 55


ครับ มันเป็นเพราะความซนจริงๆ  หลังจากนั้นผมพยายามหาข้อมูลว่าไอ้น้ำตกที่ผมเจอกันมันมีชื่อหรือเปล่า  แต่ไม่พบชื่อนะครับ  ผมก็ยังคงต้องเรียกน้ำตกนิรนามต่อไป  และรูปที่เจอทั้งหมด ถ่ายตรงลำธารชั้นล่างตรงที่จอดรถในรูป    แต่ยังไม่เห็นว่ามีใครจะเดินเข้าไปข้างในแล้วถ่ายรูปน้ำตกมาแบบผมเลย

คงเป็นเพราะนักท่องเที่ยวไม่รู้ว่าด้านในมีน้ำตกที่สวยงามมากๆซ่อนตัวอยู่   รู้กันเพียงแค่พวกชาวบ้าน เจ้าหน้าที่อุทยาน และพวกหาของป่า   ผมไม่แน่ใจว่าถ้าหน้าแล้งที่นี่จะมีน้ำหรือเปล่า  น้ำตกจะแบ่งเป็นสองด้านนะครับ คือ ด้านหน้าน้ำตกใหญ่ตรงนี้เป็นแ่อ่งใหญ่เล่นน้ำได้สบายเลย  กับอีกด้านนึง จะอยู่ทางขวาถ้าหันหน้าเข้าน้ำตก  ตรงนี้จะเป็นชั้นน้ำตกสวยมากๆครับ เป็นแ่อ่งเล็กแอ่งน้อยเต็มไปหมด




สรุปนะครับ   ทริปนี้ถือว่าขับรถสบายๆ  ทางไม่โหดเหมือนรีวิวเก่าๆแล้วครับทางลูกรังแต่ค่อนข้างดี  ขับรถประมาณ 3 ชั่วโมง  จากอยุธยาไปกลับผมเติมน้ำมัน 1000 นึง กับที่มีอยู่เดิมติดก้นถังสักครึ่งขีด  ถุงอยุธยาก็หมดพอดี  เสบียงจะให้ดีเตรียมไปจากข้างนอกเลยครับ ร้านค้าที่มีก็เป็นเพียงร้านเล็กๆ  ของแทบไม่มีอะไรเลย  ชุมชนใหญ่ที่ให้ซื้อเสบียงต่างๆได้ ครบแทบทุกอย่างคือจุดสุดท้ายคือบ้านม่วงเฒ่านะครับ



ถ้าเอาความสะดวกสบายที่นี้ไม่มี  ถ้าเอาที่หลับที่นอนดีดีที่นี่ก็ไม่มี  ถ้าจะเอาร้านอาหารดีดีที่นี่ก็ไม่มี   ถ้าจะโทรศัพท์หาใครเล่นเน็ตเล่นไลน์ที่นี้ไม่มีสัญญานสักค่ายเดียว  ทีวีก็ยังไม่มี  ไฟฟ้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง   แต่ที่นี่มี มิตรภาพ ธรรมชาติ อากาศ โอโซน  วิวสวยๆ  ถ้าต้องการเพียงแค่นี้รับรองได้เลยว่ามาที่นี่ได้รับความประทับใจกลับไปแน่นอนครับ

หลายคนคงอยากรู้ว่าผมมาตกปลากันผมได้ปลาเยอะไหม ปลาใหญ่ได้แค่ชะโด กับ กระสูบสองตัว  ที่เหลือปลาเล็กเยอะมากๆครับ  ที่นี่น้ำตื่นนะครับเพราะเป็นต้นน้ำ ปลาที่อยู่จะเป็นพวกปลาเล็กๆปลาเกร็ด  และ พวกปลาล่าเนื้อ   ปลาช่อน ปลากระสูบ ชะโด  ปลากราย


ส่งท้ายรีวิวด้วยผลงานครับ




รูปนี้ปลากระสูบกระชากคันตกน้ำเลยครับ ไม่ได้เปิดเบรคไว้  
ต้องกระโดดลงน้ำว่ายตาม งมคันเบ็ด ขึ้นมาเย่อกันในน้ำเลย ช็อตนี้มันส์จริงๆ

เรวัติ  น้อยวิจิตร  / สมเจตน์ สายแก้ว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น