เป้นTripการเดินทางที่ต้องสำรวจมากมาย แม้จะเป็นระยะทางไกลข้ามจังหวัดจากภาคเหนือตอนล่างสู่สุดชายแดนด้านตะวันตก แต่ก็ได้พานพบธรรมชาติที่งดงามแปลกตาอย่างคุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อย
วันแรกนั่งนถกระบะจากอุ้มผางไปตามทางโขยกเขยกที่ดูไม่เป็นทางเลย กว่าจะถึงหน่วยพิทักษ์ป่าฯกะแง่สอดก็เที่ยงกว่าๆเข้าไปแล้ว วันนี้เราจึงพักผ่อนกันก่อน รุ่งขึ้นจึงเริ่มเดินเท้าลงไปสำรวจน้ำตกกะแง่สอด ช่วงแรกราบเรียบ แต่เพียงชั่วครู่ ทางก็ลาดชันดิกลงสู่หุบเขา ร่วมครึ่งชั่วโมงเศษจึงถึงลำน้ำ รูป 003 คือ "พูพอน" ซึ่งต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามริมลำห้วยหรือบริเวณที่มีความชื้นสูง หรือในป่าดิบที่มีไม้ยืนต้นต่างอวดยอดชูสูงขึ้นเพื่อแข่งขันแย่งแสงแดด จะพบว่าบริเวณโคนต้นของไม้เหล่านั้น(ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไม้เนื้ออ่อน เช่น สมพง ตะแบก เสลา อินทนิล เป็นต้น) จะมีลักษณะแผ่ออกมาราวกับปีกที่กางออกมา ส่วนนี้แหละที่เรียกว่า“พูพอน” ไม้แต่ละชนิดก็จะมีรูปร่างและขนาดของพูพอนที่แตกต่างกันไป จึงช่วยให้เราจำแนกต้นไม้ได้เป็นอย่างดี ทำไมต้นไม้ต้องสร้างพูพอน? ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าในป่าเขตร้อนนั้นสภาพอากาศในป่าจะร้อนและมีความชื้นสูง ทำให้ใบไม้กิ่งไม้และอินทรียสารต่างๆถูกย่อยสลายอย่างรวดเร็วกลายเป็นแร่ธาตุสะสมอยู่บริเวณผิวดิน ครั้นเมื่อฝนตกลงมาหนักก็จะชะเอาสารอาหารเหล่านี้หายไปกับสายน้ำ คงมีแร่ธาตุส่วนน้อยเท่านั้นที่จะซึมลงไปในดิน ดังนั้นเมื่อแร่ธาตุต่างๆอุดมสมบูรณ์อยู่เฉพาะบริเวณผิวดินเป็นจำนวนมาก พืชจึงปรับตัวให้ส่วนใหญ่ของรากกระจายอยู่เป็นวงกว้างตื้นๆใต้ผิวดินเพียงเล็กน้อย เพื่อดูดซึมอาหารแร่ธาตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกเว้นรากแก้ว พืชจึงจำต้องขยายส่วนโคนลำต้นให้แผ่ออกเพื่อใช้ค้ำยันลำต้นเมื่อเผชิญลมพายุ รวมทั้งช่วยรากดูดซึมอาหารแร่ธาตุได้มากขึ้นและรวดเร็วอีกด้วย
นอกจากนี้ไม้ที่เกิดพูพอนนั้น เรายังอาจพบได้ในบริเวณแห้ง ซึ่งแสดงว่าใต้พื้นดินมีก้อนหินน้อยใหญ่อยู่มากมาย ซึ่งรากไม่สามารถแทงลงไปยึดเพื่อพยุงลำต้นได้ จึงจำต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของตนด้วยการสร้างพูพอนขึ้นมา
น้ำตกกะแง่สอด..ไม่มีการนับจำนวนชั้นที่แน่นอน เพราะจากที่เราลงไปถึงลำน้ำก็มีชั้นน้อยใหญ่มากมาย มองตามสายน้ำลงไปก็พบว่ามีอีกไม่รู้กี่ชั้น เป้าหมายของเราอยู่ที่ตอนบนสุดของสายน้ำ ซึ่งต้องเดินทวนน้ำตกขึ้นไป ด้วยสภาพน้ำตกแห่งนี้เป็นหินปูน จึงเดินได้สบายๆ ไม่ลื่น แต่บางช่วงที่เป็นแอ่งน้ำลึกเขียวใส เราก็จำต้องเดินเลาะไปตามขอบ หากใครพลาดก็เปียกโชกไป
บางช่วงต้องข้ามกองไม้ล้มที่น้ำพัดพังทลายในช่วงหน้าฝนที่ผ่านมา กว่าจะถึงชั้นสูงสุดก็ใช้เวลาราวชั่วโมง
ซึ่งสวยคุ้มค่ามากๆ บริเวณเพิงผาประดับประดาไปด้วยมอสส์เขียวชอุ่มราวกับกำมะหยี่ บริเวณโรงอาหารของหน่วยฯมีต้นเสี้ยวกำลังออกดอกบานสะพรั่งเต็มต้น
ไม้ป่าวันนี้ทีพบมีไม่น้อยทีเดียว
"นางแลว"..ผมไม่ทราบว่าเป็นไม้ในวงศ์ใดและชื่อวิทยฯว่าอย่างไร รู้แต่ชื่อที่ชาวบ้านเรียกกัน ใครรู้ช่วยบอกผมด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้า ส่วนเอื้องโมกข์..มันอยู่สูงจริงๆครับ ถ่ายยากเหลือเกิน เล่นเอาปวดคอ
หลังสิ้นแสงขอบฟ้าลับจางหาย เราก็ช่วยกันทำอาหารและพูดคุยวางแผนการเดินทางพรุ่งนี้ รุ่งขึ้นก็ออกแต่เช้าตรู่เพื่อหนีความร้อน
ช่วงเดินในป่าทุ่งใหญ่ บริเวณลำน้ำเราได้พบรอยเท้าสุนัขจิ้งจอก ทำให้แต่ละคนหูตาสว่างไสว หายเหนื่อยกันทันที ป่าช่วงนี้ล้วนดาษดื่นไปด้วยดงดอกเสี้ยวที่บานสะพรั่งเต็มไปหมด จวบจนเกือบ5โมงเย็นเราก็ถึงหน่วยพิทักษ์ป่าฯจะแก อันเป็นสิ้นสุดการเดินเท้าเพื่อสำรวจฯตามเป้าหมายที่ได้รับมอบหมายมา
ขอบคุณข้อมูลจาก .. http://www.magnoliathailand.com
เรวัติ น้อยวิจิตร / สมเจตน์ สายแก้ว
| ||
วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557
จาก .. ป่าอุ้มผาง จ.ตาก สู่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น