| |
อย่างเช่นการเดินทางในครั้งนี้ เราตั้งใจจะเดินทางกันไปที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยเริ่มตั้งต้นรวมพลกันที่ตัวเมืองกาญจนบุรี และเป็นจุดเริ่มต้นการท่องเที่ยวระหว่างทางตั้งแต่กาญจนบุรีไปถึงสังขละบุรีอีกด้วย | ||||
ปราสาทเมืองสิงห์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อยทางทิศเหนือ เมื่อพิจารณาจากสถาปัตยกรรมและประติมากรรม พบว่ามีความคล้ายคลึงกับสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอม และยังมีศิลาจารึกปราสาทพระขรรค์ ประเทศกัมพูชา ที่กล่าวถึงเมืองศรีชัยสิงห์บุรี โดยมีการสันนิษฐานกันว่าคือปราสาทเมืองสิงห์แห่งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม มีนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์บางส่วนให้ความเห็นว่าไม่น่าใช่ปราสาทเมืองสิงห์แห่งนี้ เพราะอยู่ห่างจากเส้นทางราชมรรคา ที่ตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย “ตะลอนเที่ยว” คิดว่า สิ่งที่น่าสนใจของปราสาทเมืองสิงห์ อยู่ตรงที่ตัวโบราณสถานนั้นถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยที่ร่มรื่นและเขียวขจี โดยจุดที่น่าสนใจภายในพื้นที่ปราสาทเมืองสิงห์ก็คือ บริเวณโบราณสถานหมายเลข 1 เป็นปรางค์ประธาน ศูนย์กลางของที่นี่ ปรางค์เป็นองค์เดียวทรงสูงคล้ายฝักข้าวโพด มีระเบียงคดล้อมรอบ และมีโคปุระ (ซุ้มประตู) อยู่ระหว่างระเบียงคดทั้ง 4 ด้าน ส่วนภายในปรางค์ประธานมีรูปเคารพพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี และด้านหลังมีรูปเคารพของนางปรัชญาปารมิตาประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้ ห่างจากตัวปรางค์ประธานออกไปอีกเล็กน้อย บริเวณริมแม่น้ำจะมีหลุมขุดค้นโครงกระดูกมนุษย์โบราณที่มีอายุราว 2,000 ปี ให้ชมกันอีกด้วย | ||||
ปัจจุบัน ถ้ำกระแซก็ยังใช้เป็นที่หยุดรถไฟ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ บริเวณสวนไทรโยคและตัวสถานีเก่า บริเวณสะพานถ้ำกระแซ และบริเวณสถานีรถไฟใหม่ โดยตัวสะพานถ้ำกระแซนั้นเป็นสะพานไม้เลียบหน้าผา มีความยาวกว่า 450 เมตร เส้นทางจะโค้งเลียบเขาไป ด้านหนึ่งติดกับภูเขา อีกด้านเบื้องล่างเป็นแม่น้ำแควน้อย มองแล้วสวยงามน่าชม | ||||
น้ำพุร้อนหินดาดเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ก็เนื่องจากสามารถมาแช่น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิกำลังพอเหมาะเพื่อคลายความเมื่อยล้า ติดกันนั้นก็จะเป็นลำธารธรรมชาติที่อุณหภูมิของน้ำเย็นสบาย ใครอยากจะมาแช่น้ำร้อนก็ลงไปในบ่อซีเมนต์ เสร็จแล้วสลับกับน้ำเย็นด้วยการมาแช่ในลำธาร ที่สำคัญ มีความเชื่อกันว่า น้ำแร่จากบ่อน้ำร้อนแห่งนี้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้หลายอย่าง เช่น โรคเหน็บชา ไขข้ออักเสบ เป็นต้น | ||||
สังขละบุรี เป็นเมืองชายแดนที่ล้อมรอบด้วยขุนเขาและป่าไม้เขียวขจี ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ผสมผสานชาติพันธุ์ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน ที่เห็นเด่นชัดก็คือชาวไทย และชาวมอญ ซึ่งชาวมอญสังขละบุรีนี้อพยพมาจากฝั่งพม่า มาตั้งรกรากอยู่ที่สังขละบุรีแห่งนี้นับร้อยปี กระทั่งมีการสร้างเขื่อน ชาวมอญจึงต้องย้ายจากเมืองสังขละเก่าที่ถูกน้ำในเขื่อนท่วม ขึ้นมาอยู่ยังเมืองสังขละในปัจจุบัน | ||||
หากอยากสัมผัสวิถีชาวมอญในยามเช้า อยากรู้ว่าชาวมอญสังขละทำอะไรบ้าง “ตะลอนเที่ยว” แนะนำให้มาทำบุญตักบาตรในยามเช้าที่ฝั่งมอญ บริเวณใกล้ๆ กับสะพานมอญ เพราะนี่เป็นหนึ่งในเส้นทางที่พระสงฆ์จากวัดวังก์วิเวการามจะมาบิณฑบาตในยามเช้า | ||||
| ||||
| ||||
สะพานมอญชำรุดลงหลังจากเหตุการณ์น้ำป่าและน้ำฝนพัดผ่านเมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ทำให้ช่วงกลางของสะพานพังลงมาเป็นระยะทางกว่า 50 เมตร จึงมีการสร้างสะพานลูกบวบขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านใช้ทดแทนสะพานไม้มอญที่ชำรุด แต่ในขณะนี้เริ่มมีการขยับขยายสะพานลูกบวบออกให้ห่างจากสะพานมอญเพื่อทำการซ่อมแซมสะพานมอญให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม คงอีกไม่นานนักที่เราจะได้เดินผ่าน และร่วมชื่นชมกับสะพานมอญอันถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตชาวมอญสังขละ | ||||
จากบริเวณสะพานมอญ จะมีร้านค้าหลายร้านที่ให้บริการล่องเรือออกไปชมซากวัดเก่าที่จมอยู่ใต้น้ำ “ตะลอนเที่ยว” ก็นั่งเรือออกจากที่นั่นเช่นกัน เรือล่องออกมาตามแม่น้ำซองกาเลีย จนมาถึงบริเวณ “สามสบ” หรือ “สามประสบ” อันเป็นจุดรวมของลำน้ำสามสาย คือ ซองกาเลีย รันตี และบิคลี่ ตรงมาอีกนิดก็จะเป็นบริเวณของวัดวังก์วิเวการามเก่า หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ วัดบ้านเก่า ” | ||||
| ||||
| ||||
ภายในวัดสมเด็จ (เก่า) ยังมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ รอบๆ ตัวโบสถ์ก็ยังคงมีร่องรอยของลวดลายปูนปั้นให้เห็นอยู่บ้าง แต่ตัวโบสถ์นั้นถูกต้นไทรใหญ่ที่อยู่รอบๆ โอบล้อมไปส่วนหนึ่งแล้ว ปัจจุบันมีการสร้างวัดสมเด็จแห่งใหม่ขึ้นบริเวณริมถนน ก่อนถึงตัวเมืองสังขละบุรี | ||||
ล่องเรือชมวัดเก่ากันแล้ว ก็ถึงเวลาขึ้นฝั่ง มาไหว้ “เจดีย์พุทธคยา” บนฝั่งมอญ เจดีย์องค์นี้เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ บนยอดเจดีย์ประดับด้วยฉัตรทองคำหนัก 400 บาท ซึ่งภายในนั้นประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่หลวงพ่ออุตตมะอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เจดีย์องค์นี้จึงสร้างโดยจำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ลักษณะฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตัวเจดีย์สีทองอร่าม มีลวดลายปูนปั้น และพระพุทธรูปปางต่างๆ วางเรียงรายอยู่โดยรอบองค์เจดีย์ เจดีย์พุทธคยาองค์นี้ เป็นที่เคารพสักการะของชาวมอญสังขละบุรีเป็นอันมาก และยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาสักการะและชมความงามของเจดีย์ไม่ขาดสาย โดยพื้นที่ว่างด้านหน้าองค์เจดีย์ที่เป็นลานกว้าง เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมสำคัญทางศาสนา อาทิ งานรดน้ำต้นโพธิ์ในช่วงวันวิสาขบูชา รวมไปถึงเป็นลานกิจกรรมประเพณีของชาวมอญสังขละอีกด้วย | ||||
เที่ยวในเมืองสังขละกันจนอิ่มใจ ก็มุ่งหน้าไปกันที่ “ด่านเจดีย์สามองค์” ด่านชายแดนไทย-พม่า ที่เดินทางไปอีกไม่ไกลนัก แต่ระหว่างทางก็มีสถานที่ท่องเที่ยวให้นั่งพักผ่อนสบายๆ กันอีกแห่ง นั่นคือ “ลำธารซองกาเลีย” ที่ตั้งอยู่ติดริมถนน บนเส้นทางที่จะตรงไปด่านเจดีย์สามองค์ เมื่อข้ามสะพานซองกาเลียแล้วมองไปทางขวา ก็จะเห็นเพิงไม้เรียงรายอยู่ริมน้ำ บริเวณนี้จะมีร้านค้าร้านอาหารที่มาตั้งขาย มีเพิงให้นั่งพักผ่อนอยู่ริมน้ำ หรือใครอยากจะลงไปแช่น้ำให้เย็นชื่นใจก็ได้ตามชอบ เพราะบริเวณนี้เขาจัดไว้ให้มานั่งพักผ่อนกันอยู่แล้ว | ||||
บริเวณด่านก็จะมีสิ่งสำคัญก็คือ “เจดีย์สามองค์” ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่า ชาวบ้านที่อพยพมาจากฝั่งพม่า เข้ามาสู่ฝั่งไทย จะถือหินกันมาคนละก้อน มาเรียงกันไว้จนเป็นหินสามกอง และถูกปรับปรุงก่อสร้างจนกลายเป็นเจดีย์สามองค์แบบที่เห็นทุกวันนี้ | ||||
เส้นทางท่องเที่ยวจากกาญจนบุรีถึงสังขละบุรี “ตะลอนเที่ยว” เลือกแวะเที่ยวเก็บเกี่ยวมาตามรายทาง แต่ต้องบอกว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจตามรายทางไม่ได้มีแค่นี้ แต่เนื่องจากเวลามีน้อย ก็คงต้องคัดสรรสถานที่เป็นบางแห่ง หากใครมีเวลามากกว่านี้ ถ้าได้แวะเที่ยวแวะชิมไปทุกที่ คงมีความสุขและได้ประสบการณ์มากกว่านี้แน่ๆ * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ททท. สำนักงานกาญจนบุรี โทร. 0-3451-1200, 0-3451-2500, 0-3462-3691
เรวัติ น้อยวิจิตร / สมเจตน์ สายแก้ว
| ||||
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น